ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดทั้งปีขยายตัว 17%
ธ.เกียรตินาคิน ประเมินตลาดอสังหาฯกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งปี 59 คาดขยายตัว 17% ตีเป็นมูลค่าราว 274,000 ล้านบาท
นางจิราภรณ์ ลินมณีโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2558 ที่ผ่านมาภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้คึกคักมากนัก มีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง แต่พบว่ามูลค่าของการเปิดตัวเพิ่มสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงการขยับขึ้นของราคา และการปรับตลาดไปในสินค้าที่มีราคาสูง ซึ่งในปี 2559 นี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่ได้มีการเตรียมโครงการที่จะเปิดตัวไว้เป็นจำนวนมาก
จากการสำรวจข้อมูลบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 7 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (พฤกษา, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, แสนสิริ, เอพี, แอล.พี.เอ็น., ศุภาลัย และคิวเฮ้าส์) พบว่า ในส่วนของซัพพลายใหม่ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 30% มาอยู่ที่ 65,000 ยูนิต โดยเป็นคอนโดมิเนียมราว 60%
ทั้งนี้ บล. ภัทร ประเมินว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะขยายตัวประมาณ 17% หรือมีมูลค่าประมาณ 274,000 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวจะมาจากการเปิดตัวใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-เมษายน 2559) มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่รวม 13,500 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 45,000 ล้านบาท นอกจากนี้ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จะมีมากในช่วงครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเห็นการขยายตลาดในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทต่างชาติในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงและแบ่งเบาภาระทางการเงิน และมีการทำการตลาดในลักษณะการนำโครงการคอนโดฯ ในประเทศไทย ไปเปิดตัวในต่างประเทศ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ต่างกันไป”
ด้าน ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในปี 2559 นั้น มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2558 จากปัจจัยบวก 4 ประการ ได้แก่ 1. ทิศทางเศรษฐกิจมหภาคที่คาดว่าจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 2.8% ต่อปี ถัดมาคือ 2. การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่จะเป็นผลบวกต่อธุรกิจโรงแรม 3. นโยบายภาครัฐโดยเฉพาะส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่จะเป็นผลบวกต่อตลาดอพาร์ตเมนต์ของพนักงานบริษัท และ 4. การรวมกลุ่มของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเป็นผลบวกต่อตลาดอพาร์ตเมนต์ของนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนตามกลยุทธ์ Thailand +1
เมื่อพิจารณาในแต่ละประเภท พบว่าโรงแรมมีแนวโน้มขยายตัวดีที่สุด เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขาเข้าและนักท่องเที่ยวในประเทศ การเติบโตของสายการบินราคาประหยัด และการขยายตัวของสื่อออนไลน์ในการท่องเที่ยว โดยเกียรตินาคินคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขาเข้าในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 32 ล้านคน 34 ล้านคน และ 36 ล้านคนในปี 2559-2561 ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดโรงแรมโดยเฉพาะโรงแรมระดับกลางและประหยัดที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศและภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก สำหรับจังหวัดหลักด้านการท่องเที่ยวรวมถึงจังหวัดดาวรุ่งที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจโรงแรมมี 18 จังหวัด เช่น ภูเก็ต ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่ เลย พะเยา และลำปาง เป็นต้น
ในส่วนของตลาดอพาร์ตเมนต์นั้น คาดว่าเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศ (Expat) มีแนวโน้มเติบโตดีที่สุด โดยเฉพาะเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เกรดบีที่ได้รับความสนใจมากขึ้นตามการขยายตัวของรถไฟฟ้าที่ทำให้ย่านธุรกิจ (Central Business District: CBD) ขยายตัวออกไป และส่งผลให้ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ของพนักงานบริษัท (White Collar) ได้รับอานิสงส์เชิงบวกด้วยเช่นกัน ในขณะที่ตลาดนักเรียนนักศึกษายังสามารถเติบโตได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเกียรตินาคินมองว่าทำเลที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ในละแวกสถานศึกษาในต่างจังหวัด เช่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังมีศักยภาพเติบโตได้
ขณะที่อพาร์ตเมนต์สำหรับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตของประเทศ จากการผลิตที่ใช้แรงงานเป็นหลักเป็นการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น และจังหวัดที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจหอพักคนงานได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และนครราชสีมา โดยเป็นจังหวัดที่จำนวนคนงานและพื้นที่โรงงานยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com